แชร์

รู้จัก หุ่นยนต์ส่งของ ขนาดเล็กในโรงงานที่มีความคล่องตัวสูง

หุ่นยนต์ส่งของ ขนาดเล็กที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างเลือกใช้ คล่องตัวสูง บำรุงรักษาง่าย

หุ่นยนต์ส่งของ ขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูงกว่าหุ่นยนต์ AGV (Automated Guided Vehicle) ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม

 

หุ่นยนต์ส่งของ

โดยในปี 2025 เทคโนโลยีของหุ่นยนต์ส่งของถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก และใช้งานกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย เนื่องจากมีราคาที่ประหยัด รวมถึงการบำรุงรักษาที่ง่ายเหมาะกับการลำเลียงชิ้นงานขนาดเล็ก หรืองานที่ต้องทำซ้ำๆทั้งวัน ลดการเดินไปมาแบ่งเบาภาระในการแบกน้ำหนักของพนักงาน ช่วยให้มีเวลาไปรับผิดชอบหน้าที่ๆได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หุ่นยนต์ส่งของ

หุ่นยนต์ส่งของ คือ

หุ่นยนต์ส่งของ (Service Robot) คือหุ่นยนต์ลำเลียงขนาดเล็ก AMR ที่เน้นในเรื่องความคล่องตัวเป็นหลัก จะแตกต่างกับหุ่นยนต์ AGV (Automated Guided Vehicle) สำหรับการนำส่งชิ้นงานทำได้อย่างรวดเร็วฉับไว โดยหุ่นยนต์จะใช้ระบบ SLAM positioning mapping system ในการสร้างแผนที่และระบุตำแหน่งต่างๆเพื่อให้รู้จักจุดรับส่งต่างๆในไลน์ผลิต ในบางรุ่นจะใช้ Laser ในการระบุตำแหน่งรวมถึงใช้ Laser ในการหลบหลีกตรวจจับสิ่งกีดขวาง โดยทั่วไปหุ่นยนต์จะรับน้ำหนักหรือโหลดได้ประมาณ 40-600กิโลกรัมแล้วแต่รุ่น ใช้พื้นที่การเดินไม่มากเพียง 60-90 เซนติเมตรเท่านั้น และยังทำความเร็วมาตรฐานได้ที่1เมตรต่อวินาที

หุ่นยนต์ส่งของ

หุ่นยนต์ส่งของทำงานอย่างไร?

การทำงานของหุ่นยนต์ส่งของนั้น หุ่นยนต์จะเดินไปตามตำแหน่งต่างๆที่เราสร้างไว้โดยการสั่งงานผ่านการกดที่หน้าจอ ในบางรุ่นสามารถสั่งงานผ่าน tablet หรือ Smartphone หรือปุ่มกดภายนอกได้ หุ่นยนต์จะใช้ Laser ในการหลับหลีกสิ่งกีดขวาง มีการเก็บข้อมูลการเดินในแต่ละวันเพื่อมาวิเคราะห์หรือปรับแต่งให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดหุ่นยนต์จะเดินกลับไปที่แท่นชาร์จโดยอัตโนมัติ

หุ่นยนต์ส่งของ

หุ่นยนต์ส่งของทำอะไรได้บ้าง?

นอกจากจะส่งของแล้ว หุ่นยนต์ในบางรุ่นยังสามารถปรับแต่งหน้าจอ ใส่รูปคลิป VDO หรือข้อความที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์ได้อีกด้วย รวมถึงการพัฒนาฟังก์ชั่นเพิ่มเติมต่างๆได้เองผ่านระบบ API ได้ตามความต้องการ

ข้อดีข้อเสียหุ่นยนต์ส่งของ

หุ่นยนต์ส่งของ

ข้อดีของหุ่นยนต์ส่งของ

  • ช่วยแบ่งเบาภาระของพนักงาน 

  • มีความคล่องตัวสูง รับน้ำหนักได้ทำเวลาได้ดีเดินต่อเนื่องได้

  • เดินได้ประมาณ 30 กิโลเมตร หรือประมาณ 40,000 ก้าวของมนุษย์ /ต่อการชาร์จแบตเตอรี่1ครั้ง

  • สามารถพัฒนาฟังก์ชั่นเพิ่มเติมได้ตามต้องการ (API)

  • บริหารจัดการบุคลากรได้ง่ายขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจ

  • มีการเก็บ data การเดินในแต่ละวันนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงการจัดการได้

  • ราคาไม่สูง ติดตั้ง บำรุงรักษาง่าย

  • ทำงานได้ทุกวัน

ข้อเสียของหุ่นยนต์ส่งของ

  • ไม่สามารถหยิบของเองได้

  • ในบางรุ่นเหมาะกับสถานที่แบบ indoor เท่านั้น

  • ต้องเชื่อมต่อ Wifi เป็นหลักในการใช้งาน เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ 

  • การเขียน API หรือฟังก์ชั่นเพิ่มเติมยังมีราคาสูง

  • อะไหล่สิ้นเปลืองในบางรุ่น ต้องเปลี่ยนยกชุด

หุ่นยนต์ส่งของ

ข้อควรระวังการใช้งานหุ่นยนต์ส่งของ

  • การใช้ Lidar ในการเดินเพียงอย่างเดียวความแม่นยำอาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง

  • การใช้ Lidar ในการเดินเพียงอย่างเดียว หากพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้หุ่นยนต์หลงทิศได้

การบำรุงรักษาหุ่นยนต์ส่งของ

  • การ Service ตรวจเช็คตามระยะเวลาที่กำหนด

  • การเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองตามระยะที่กำหนด ช่วยยืดอายุการใช้งาน

  • การชาร์จแบตเตอรี่ควรปิดเครื่องแล้วชาร์จแบบคราวเดียวเต็ม จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่


คำแนะนำการใช้งานหุ่นยนต์ส่งของ

หากต้องการใช้งานหุ่นยนต์ส่งของแบบจริงจังและใช้งานแบบต่อเนื่อง แนะนำให้ทดสอบในสถานที่ใช้งานจริงก่อนตัดสินใจ




บทความที่เกี่ยวข้อง
amr vs agv
ทำไมเราต้องใช้พนักงานในการเคลื่อนย้าย ขนย้ายต่างๆ ในเมื่อเราสามารถใช้ระบบอัตโนมัติจัดการงานเหล่านีได้ ช่วยให้พนักงานได้ไปทำสิ่งที่มีมูลค่าสูงกว่า
Factory Robot - หุ่นยนต์ส่งของ
หุ่นยนต์ส่งของในโรงงานอุตสาหกรรม Industrial and Factory Delivery Robot ในปี 2025 ที่น่าจับตามอง ช่วยในเรื่องการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพ
AMR-sun
แพลตฟอร์มเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ รองรับการเชื่อมต่อระบบการจัดการ เช่น WMS, ERP และ MES และการจัดการกระบวนการขนส่งผ่าน RCS (robot control system)
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ